ลูกอม หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา กทม ลูกอมของท่านมี 2 แบบ ที่เล่นหาเป็นมาตรฐาน คือ ชานหมากล้วน และ ชานหมากผสมปูนฉาบฝากุฏิของหลวงปู่ ปูนที่ว่านี้ทำจากขี้เลี่อย ฟางข้าวแห้ง ดินและน้ำอ้อย ผสมแล้วนำไปฉาบฝากุฏิที่ทำด้วยไม้ไผ่ขัดร่อง “” หลวงปู่ทอง ท่านพูดขึ้นว่า ดี จะได้คงทนดี ลูกศิษย์ลูกหาถือเคล็ดตรงนี้ ขูดเอาผงมาผสมกับชานหมากของท่าน ปั้นเป็นลูกอมใช้คุ้มตัว เพราะหลวงปู่ทอง ท่านมีวาจาสิทธิ์ เป็นอย่างมากนั่นเอง ลูกอมที่ผสมปูน จะออกขาว แต่จะเห็นเสี้ยนหมากชัดเจน ทุกลูก แต่จะไม่แข็ง เหมือนลูกอมชานหมากทั่ว ไป ลูกอมของท่านโด่งดังมานานมาก และถ้าตัวจริงได้ยากที่สุด และมีประสบการณ์ ทุกด้านถ้าประพฤติปฏิบัติตัวเองในศีลในธรรม ของท่านเล่ากันมานาน หนังดีกันทุกคน และโชคลาภ ลูกอมของท่านมีชื่อเรียกว่าลูกอมกินไม่หมด คงเป็นเพราะเป็นหมากที่หลวงพ่อทองกินประจำ เข้าทำนองที่ว่า มีกินมีใช้ไม่มีหมดนั่นเอง
"ประวัติหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา(ลาดบัวขาว) กรุงเทพฯ"
หลวงปู่ทอง อายะนะ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2363 ตรงกับปลายสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นบุตรของนายฮวด แซ่ลิ้ม ชาวจีนฮกเกี้ยน มารดาเป็นชาวมอญ ต่อมาท่านได้อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2384 ได้อุปสมบท ณ วัดเงินบางพรม ตลิ่งชัน โดยมีท่านเจ้าคุณวินัยกิจจารีเถระ (ภู่) อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ของ วัดเงินบางพรม เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาตามภาษามคธว่า อายะนะ หลังจากอุปสมบทมา ได้พำนักจำพรรษา ณ วัดแห่งนั้นเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และคอยอุปัฏฐากพระอุปัชฌาย์ของท่านภายหลังได้ธุดงค์วัตรเพื่อแสวงหาโมกขธรรม เมื่อพระราชโยธาก่อสร้างวัดราชโยธาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้นิมนต์ท่านให้มาเป็นเจ้าอาวาส ท่านจึงเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของ วัดราชโยธาท่านเป็นยอดพระเกจิที่เก่งมากๆในสมัยก่อน โดยท่านเป็นศิษย์รุ่นน้องของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) ซึ่งมีอาจารย์ร่วมสำนักเดียวกันคือ หลวงปู่แสง วัดมณีชลขันธ์ จ.ลพบุรี (ศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันอีกท่าน คือ หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์)
นอกจากนี้ สหายของหลวงปู่ทองที่ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ เพื่อแลกเปลี่ยนวิชาความรู้และวิชาอาคมต่างๆก็มี หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท หลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก หลวงปู่ภู วัดอินทร์ หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง หลวงปู่แช่ม วัดฉลอง จ.ภูเก็ต ท่านเจ้ามา วัดสามปลื้ม หลวงปู่ปั้น วัดเงิน ตลิ่งชัน
ส่วนลูกศิษย์ของหลวงปู่ทองก็มี หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิของท่านเพราะท่านเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้เอง และตอนที่หลวงปู่เผือกสร้างพระ หลวงปู่ทองก็ยังมอบผงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ซึ่งท่านแบ่งมาจากสมเด็จพุฒาจารย์(โต พรหมรังสี) ศิษย์พี่ของท่าน ให้หลวงปู่เผือกไปสร้างพระด้วย
นอกจากนี้ ยังมีพระเกจิอาจารย์อีกหลายท่านที่มาขอเรียนวิชาเพิ่มเติมจากหลวงปู่ทอง เช่น หลวงปู่เหลือ วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา หลวงปู่คง วัดบางกะพ้อม สมุทรสงคราม หลวงปู่จาด วัดบางกะเบา ปราจีนบุรี หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขันธ์ นครศรีธรรมราช หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพระองค์ สมุทรสาคร หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ภูเก็ต หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ชลบุรี
และศิษย์ที่เป็นฆราวาส เช่น อาจารย์แก้วคำวิบูลย์ (บวชเป็นพระแล้วต่อมาศึกเป็นฆราวาส) อาจารย์แถว กรเดช อาจารย์เจ็ก สำนัก สามแยกไฟฉาย อาจารย์เที่ยง น่วมมานา สำนักบ้านมีดี
ในสมัยก่อนหลวงปู่ทอง ท่านเป็นพระที่มีอาวุโสสูง และทรงไว้ซึ่งวิทยาคมแก่กล้า ดังนั้นไม่ว่าใครก็ล้วนมาขอเรียนวิชาต่างๆจากท่าน
สำหรับพระเครื่องวัตถุมงคลต่างๆ หลวงปู่ทองก็สร้างไว้พอสมควร เนื่องจากลูกศิษย์นั้นศรัทธาท่านมากเลยขอท่านสร้างและให้ท่านอธิฐานจิตปลุกเสกให้ เช่น ลูกอมชานหมาก หมากทุย(ไข่นกคุ้ม) ตะกรุดฝาบาตร ผ้ายันต์เขียนมือ เสื้อยันต์ พระเนื้อดินเนื้อผงหลังยันต์ตรีนิสิงเห พิมพ์สมเด็จ พิมพ์ต่างๆ(ยุคต้น) ร.ศ.112(พ.ศ.2436-39) พระเนื้อเมฆพัตรพิมพ์ต่างๆ(ยุคกลาง)ประมาณปี (พ.ศ.2459-60) พระเนื้อดินพิมพ์ ลพ.โต พิมพ์นางพญา พิมพ์ปิดตายันต์รอบ พิมพ์ปิดตาเม็ดขนุน พิมพ์ลีลา ประมาณปี(ยุคปลาย พ.ศ.2476) และเหรียญยอดนิยม อย่างเหรียญ หน้าลอย (พ.ศ.2477) เหรียญหน้าจม(พ.ศ.2480) ซึ่งอาจารย์แก้ว คำวิบูลย์ได้จัดสร้าง วัตถุมงคลรุ่นต่างๆปัจจุบัน ไม่ค่อยได้เห็นกัน เพราะหายากมาก คนรุ่นนั้นต่างเก็บไว้ใช้กันหมด ที่เราพอจะได้เห็นกันบ้างก็คือ สมเด็จเขียวเหนียวจริง หรือพระสมเด็จกรุบึงพระยาสุเรนทร์ ซึ่งท่านปลุกเสกให้ แม้แต่ตอนสงครามอินโดจีน พระยาพหลพลพยุหเสนา (ลูกศิษย์)อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ยังได้นิมนต์ท่านขึ้นเครื่องบินไปโปรยทรายเสก รอบวัดพระแก้ว และสนามหลวง รวมทั้งบริเวณใกล้เคียงเพื่อให้คุ้มครอง มิให้เป็นอันตรายจากระเบิดของข้าศึกและยังได้ขอร้องให้ท่านสร้างเสื้อยันต์เพื่อแจกทหารไปใช้ในสงคราม ซึ่งเสื้อยันต์นี้มีกิตติศัพท์เลื่องลือกันมาก ว่าแคล้วคลาดยิงไม่ถูกหรือโดนยิงแล้วไม่เป็นอะไร บางคนโดนยิงล้มลง ก็ยังลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ จนได้รับฉายาว่า ทหารไทยเป็นทหารผี ซึ่งตอนนั้น เสื้อยันต์ที่ท่านสร้าง จะจารเขียนด้วยดินสอดำท่านเองทำให้ไม่ทัน จึงได้ขอให้พระอาจารย์อีก 5 ท่านมาร่วมสร้างด้วย คือ 1.หลวงปู่แช่ม วัดตาก้อง นครปฐม, 2.หลวงปู่คง วัดบางกะพ้อม, 3.หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา, 4.หลวงปู่จาด วัดบางกะเบา ปราจีนบุรี, 5.หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว สมุทรปราการ
หลวงปู่ทองท่านเป็นพระที่ความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง ท่านมีอภิญญาจิตรและปาฏิหาริย์มากมาย แม้แต่คนจะถ่ายรูปท่าน ก็ยังถ่ายไม่ติดเลยครับ ทำให้ปัจจุบัน จึงไม่ค่อยมีรูปท่านให้เห็นกันจะมีที่เห็นก็เพียงรูปเดียวที่ชัดสุด ก็คือ รูปที่บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายร่วมกันไปอ้อนวอนขอถ่ายรูปท่าน ซึ่งเป็นรูปที่ท่านกำลังลงบันไดไปฉันเพลเท่านั้น ส่วนรูปที่แอบถ่ายตอนท่านฉันเพลนั้นไม่ชัดติดเป็นเงาๆ เท่านั้นหลวงปู่ทองท่านมรณภาพ ปีพ.ศ. 2480 สิริรวมอายุได้ 117 ปี นับเป็นยอดพระเกจิอาจารย์แห่งอาจารย์ของเมืองไทย
“ เมื่อใจมีศรัทธา ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเสมอ “ |